พญ. นภาพร ลิมป์ปิยากร
คนไทยส่วนใหญ่คงรู้จักอาลีบาบาในหนังสือพันหนึ่งราตรีเป็นอย่างดี แต่อาลีบาบาที่จะพูดถึงในที่นี้ไม่ใช่ชายหนุ่มกับโจร 40 คนแต่เป็น อาลีบาบาโฮลดิ้งคอมปานีบริษัทการค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดของแดนมังกร บริษัทนี้ถือกำเนิดขึ้นมาอย่างไร ทำธุรกิจอะไร ทำไมถึงประสบความสำเร็จมากมายเช่นนี้ Liu Shiying นักหนังสือพิมพ์และประธานคณะบริหาร Guangtian Xiangshi Culture Company และ Martha Avery ประธาน Avery Press มีคำตอบในหนังสือที่ชื่อ Alibaba: The Inside Story Behind Jack Ma And The Creation of The World’s Biggest Online Marketplace ซึ่งมีจำนวน 10 บท 228 หน้าตีพิมพ์ขึ้นครั้งแรกปี 2552 นี้
แจ๊ค มาผู้ก่อตั้งอาลีบาบาเกิดเมื่อวันที่ 10 กันยายนปี 2507 ทางตะวันตกของทะเลสาบหางโจว พ่อแม่ของเขาเป็นนักแสดงละคร เขาจึงได้มีโอกาสดูและซึมซับวิธีการแสดงละครมาเป็นอย่างดีจนทำให้เขามีความสามารถในการพูดอย่างที่ใจปรารถนา เนื่องจากเขาเติบโตมาในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมของจีนร่วมกับการที่ผู้ปกครองของเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามทางการเมืองกับรัฐบาลจีนจึงทำให้ช่วงชีวิตในวัยเด็กของเขาเป็นไปอย่างยากลำบากและถูกกลั่นแกล้งเป็นประจำส่งผลให้เขากลายเป็นคนที่รักการต่อสู้ เกลียดความอยุติธรรมอย่างยิ่งยวดและชอบช่วยเหลือผู้อื่น นอกจากนี้การที่พ่อแม่ของเขามีฐานะยากจนประกอบกับในช่วงเวลานั้นจีนประสบกับภัยแล้งรุนแรง วิธีการหาความสุขของเขาจึงทำได้เพียงแค่การอ่านหนังสือนิยายกำลังภายในเท่านั้นส่งผลให้เขากลายเป็นคนชอบต่อสู้ แต่เนื่องจากเขาเป็นคนร่างเล็กแคระแกรน น้อยครั้งนักที่เขาจะชนะการต่อสู้ ร่วมกับการที่เขาเคยผ่านการเย็บแผลสด ๆ โดยไม่มียาชามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนจึงทำให้เขาเป็นคนที่แข็งแกร่ง เขามักพูดเสมอว่า ภัยพิบัติและความอยุติธรรมทำให้มนุษย์ดีขึ้น
ความสำเร็จของแจ๊ค มาส่วนหนึ่งยังเป็นผลมาจากความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษซึ่งเขาได้รับแรงบันดาลใจในการฝึกฝนจากครูสอนภูมิศาสตร์ ครูสอนเขาว่าหางโจวเมืองบ้านเกิดของเขาเป็นเมืองที่มีชาวต่างชาติเดินทางมาเป็นจำนวนมาก นักเรียนควรมีความรู้ทางด้านภูมิศาสตร์อย่างดีเพื่อไม่ให้ขายขี้หน้าฝรั่ง แต่เหนือสิ่งอื่นใด นักเรียนควรเก่งภาษาอังกฤษด้วยเพื่อให้มีความสามารถมากพอที่จะอธิบายและพูดคุยกับฝรั่งได้ หากฝรั่งถามแล้วพวกเขาตอบไม่ได้จะทำให้คนจีนเสียหน้าอย่างมาก หลังจากวันนั้นมาก็ตั้งอกตั้งใจเรียนภาษาอังกฤษโดยฟังจากวิทยุเป็นประจำ และหมั่นฝึกภาษาอังกฤษด้วยการเดินเล่นตามชายหาดเพื่อให้มีโอกาสได้พูดคุยกับชาวต่างชาติ การได้มีโอกาสฝึกภาษาอังกฤษส่งผลดีต่อเขาหลายประการ นั่นคือ 1) ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองหน้าหนาขึ้นและกล้าที่จะทำผิด 2) ทำให้ความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษของเขาดีเหมือนชาวต่างชาติในเวลาอันรวดเร็ว 3) ทำให้เขาได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวต่างชาติและมีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก ทั้งหมดนี้ทำให้เขาประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจกับชาวต่างชาติในเวลาต่อมา
การสอบเข้าเรียนวิทยาลัยในจีนไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งนี้เพราะในแต่ละปีจำนวนนักศึกษาที่เข้าสอบมักมากกว่าจำนวนที่นั่งหลายเท่า และในปี 2521 ซึ่งเป็นปีแรกที่แจ็ค มาต้องสอบนั้น มหาวิทยาลัยรับนักศึกษาเพียงแค่ 402,000 คนจากนักเรียนที่สมัครสอบมากถึง 6.1 ล้านคน ซ้ำร้ายเขาไม่เก่งคณิตศาสตร์ด้วยจึงทำให้เขาไม่สามารถเข้าเรียนวิทยาลัยได้ในครั้งแรก ปีต่อมาเขาจึงพยายามมากขึ้น แต่คะแนนคณิตศาสตร์ของเขาก็เพิ่มขึ้นจาก 1 คะแนนมาเป็นแค่ 19 คะแนนเท่านั้นซึ่งไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเข้าเรียนต่อ มาจึงจำเป็นต้องเข้าสอบอีกเป็นครั้งที่สาม ยิ่งก่อนการสอบครั้งที่สามสามวัน อาจารย์ของเขาเยาะเย้ยเขาว่า หากมาสามารถสอบผ่านคณิตศาสตร์ได้ อาจารย์จะเขียนชื่อตัวเองกลับหัวซึ่งคนจีนถือเป็นการดูถูกอย่างมาก มาโกรธมาก เขาจึงตัดสินใจว่า เขาจะต้องสอบคณิตศาสตร์ผ่านให้ได้ ในการสอบครั้งที่สามเขาสามารถสอบคณิตศาสตร์ได้ถึง 79 คะแนน แม้ว่าคะแนนเท่านี้จะไม่สูงมากนัก แต่มันก็มากพอที่จะทำให้เขาสามารถผ่านเข้าเรียนวิทยาลัยในสาขาวิชาภาษาต่างประเทศได้ เนื่องจากมาเป็นคนที่เก่งภาษาอังกฤษอยู่แล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากมายในการเรียน เขาจึงหันมาให้ความสนใจกับกิจกรรมนักศึกษาจนสามารถเป็นประธานนักศึกษาของหางโจวได้ซึ่งเป็นเรื่องไม่ธรรมดาสำหรับนักเรียนภาคพิเศษ หลายคนสงสัยว่าเหตุใดเขาจึงไม่รู้สึกอับอายที่พูดถึงความล้มเหลวของตัวเอง เขาเห็นว่าความล้มเหลวของเขาโดยเฉพาะเรื่องการเรียนควรเป็นตัวอย่างให้กับคนรุ่นหลังเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่มีความหวังมากขึ้นและมั่นใจในตัวเอง และหากเขาสามารถประสบความสำเร็จได้ คนอื่น ๆ ก็น่าที่จะสามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกัน เขามักพูดติดตลกว่า แท้ที่จริงแล้วเขาเป็นคนโง่เพราะสมองของเขาเล็ก เขาสามารถคิดได้ทีละเรื่องเท่านั้น
หลังจบการศึกษาเขาเป็นนักเรียนคนเดียวจากนักเรียนทั้งหมดห้าร้อยคนในวิทยาลัยนั้นที่ได้ตำแหน่งอาจารย์ในสถาบันเทคโนโลยีหางโจววิทยาลัยชั้นสูงของเมือง การที่เขาเป็นคนมีความสามารถมากทำให้เขากลายเป็นคนมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเขาถือโอกาสสอนเพื่อน ๆ ที่ทำธุรกิจกับชาวต่างชาติในตอนเย็นด้วยซึ่งคนเหล่านี้ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทของเขาในเวลาต่อมา และบางคนยังคงเป็นพนักงานในบริษัทของเขาจนถึงปัจจุบันด้วย
หลังจากเป็นอาจารย์อยู่ห้าปีตามสัญญาที่เข้าให้ไว้กับอาจารย์ แจ๊ค มาก็ลาออกมาเปิดบริษัทแปลภาษาชื่อ Haibo ซึ่งแปลว่าความหวังในปี 2537 ในขณะมีอายุครบ 30 ปี เขาให้เหตุผลของการเปิดบริษัทแปลหนังสือว่าเป็นเพราะเขาต้องการที่จะเป็นครูที่ดีขึ้น เขาต้องการใช้เวลาปฏิบัติและเรียนรู้ความแตกต่างระหว่างความจริงและการสอน อีกทั้งยังตระหนักว่ามีความต้องการการแปลอยู่ในตลาดเพราะเพื่อน ๆ ของเขามักมาขอให้เขาช่วยแปลงานให้เสมอ แต่บริษัทแปลภาษานี้กลับไม่ทำกำไรจึงทำให้เขาต้องหางานอื่นทำเสริมด้วยเพื่อให้มีรายได้มากพอ การเปิดบริษัทแปลภาษานี้ให้บทเรียนกับเขาสองข้อนั่นคือ 1) ต้องเป็นคนมีความมั่นใจและกล้าหาญ 2) ต้องดูตลาดออก
การที่แจ็ค มาเป็นอาจารย์ภาษาอังกฤษที่มีชื่อเสียงทำให้เขาต้องไปช่วยเป็นล่ามและทำการเจรจาต่อรองให้กับเทศบาลเมืองหางโจวอยู่เนือง ๆ ครั้งหนึ่งเทศบาลตามเขาไปช่วยเป็นล่ามและทำการเจรจาต่อรองกับบริษัทก่อสร้างสัญชาติอเมริกันที่สหรัฐฯ เขาพบว่าบริษัทกำลังจะโกงเทศบาล บริษัทนั้นจึงชักชวนให้เขามาร่วมงานด้วยโดยให้ค่าจ้างถึงเดือนละ 1 แสนดอลลาร์ แต่เขาปฏิเสธ บริษัทจึงกักตัวเขาไว้ในโรงแรม ระหว่างที่มาถูกกักอยู่ในโรงแรม เขามีโอกาสเล่นอินเทอร์เน็ตและพบว่ามันมีประโยชน์มาก เขาจึงคิดที่จะหาทางทำธุรกิจเกี่ยวอินเทอร์เน็ต เมื่อมาหมดหนทางที่จะเดินทางกลับประเทศจีนเอง ในที่สุดเขาจึงต่อรองให้บริษัทก่อสร้างนั้นช่วยลงทุนให้เขาในบริษัทที่เขาต้องการจะเปิดใหม่ซึ่งจะทำธุรกิจเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต บริษัทจึงตกลงให้ตามนั้น
แทนที่มาจะตรงกลับหางโจว เขากลับเดินทางออกจากลอสแองเจลลิสไปที่ซีแอตเติลเพื่อไปติดต่อกับบริษัทที่ให้บริการทางด้านอินเทอร์เน็ตชื่อ VBN เขาขอร้องให้พนักงาน VBN สาธิตวิธีการค้นหาข้อมูลให้ดู เขาพบว่าไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับประเทศจีนเลย เขาจึงเกิดความคิดว่าควรเปิดบริษัทที่เกี่ยวข้องกับจีน มาตัดสินใจเปิดหน้าเว็บ Haibo บริษัทแปลภาษาของเขาซึ่งเป็นหน้าเว็บของจีนครั้งแรกในสหรัฐฯ เย็นวันนั้นเขาได้รับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ติดต่อกลับมาถึง 5 ฉบับ สามคนมาจากสหรัฐฯ พวกเขาบอกว่าเพิ่งเห็นเว็บของจีนครั้งแรก แม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตเลย แต่สัญชาติญาณของเขาก็บอกว่านี่คือสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงโลกในอนาคตและเขาต้องการที่จะได้ประโยชน์จากมันด้วย เขาเกิดแนวคิดที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทของจีนและใส่มันลงบนเว็บเพื่อกระจายข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าของจีนออกไปทั่วโลก เขาจึงตัดสินใจร่วมธุรกิจกับ VBN โดยให้ VBN รับผิดชอบทางด้านเทคนิคในสหรัฐฯ ส่วนเขาจะกลับไปหาลูกค้าในประเทศจีน เขาตั้งชื่อโครงการนี้ว่า China Yellow Pages และตั้งชื่อเว็บว่า Chinapage
ในคืนที่แจ๊ค มากลับถึงหางโจว เขาเรียกเพื่อน ๆ 24 คนมาประชุมเพื่อนำเสนอแนวคิดการเปิดหน้าเว็บของจีน 23 คนปฏิเสธและเห็นว่าแนวคิดนี้ไม่น่าที่จะประสบความสำเร็จ แต่มาเป็นคนที่เชื่อว่า การวัดความสำเร็จมาจากผล ดังนั้นหากไม่ลองก็ไม่มีโอกาสที่จะทราบว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ การคิดอย่างเดียวไม่ทำให้มนุษย์ประสบความสำเร็จได้ เดือนเมษายนปี 2538 เขาจึงตัดสินใจลงทุน 800 ดอลลาร์และระดมทุนจากน้องสาวและน้องเขย รวมทั้งพ่อแม่อีก 2,300 ดอลลาร์เพื่อมาเปิดกิจการ China Yellow Pages แต่ในช่วงเวลานั้นการใช้อินเทอร์เน็ตยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก การขายหน้าเว็บจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก ลูกค้ารายแรกที่ยินยอมซื้อหน้าเว็บคือ Lakeview Hotel ในหางโจว โชคดีเป็นของโรงแรมเพราะในปีนั้น the U.N. Fourth World Conference on Woman จัดการประชุมที่ปักกิ่ง ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนหนึ่งซึ่งต้องการเดินทางต่อมาหางโจวไม่สามารถหาข้อมูลของโรงแรมอื่น ๆ จากเว็บ ได้ พวกเขาพบแต่ข้อมูลของโรงแรม Lakeview พวกเขาจึงเดินทางมาใช้บริการของโรงแรมนี้หลังเสร็จสิ้นการประชุม จากนั้นมาการลงโฆษณาบนเว็บก็เริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้น
ถึงกระนั้นก็ตามแจ็ค มาทราบดีว่าก่อนที่เขาจะสามารถขยายตลาดอินเทอร์เน็ตได้ รัฐบาลจะต้องเป็นผู้วางโครงสร้างพื้นฐานให้ก่อนและเขาต้องหาทางทำให้รัฐบาลได้ทราบความต้องการนี้ก่อน เขาจึงจ้างคนขับรถของผู้บริหารหนังสือพิมพ์ Beijing Youth News 300 หยวนให้ทำอย่างไรก็ได้ที่จะให้เรื่องของบริษัทของเขาเป็นข่าว ในที่สุดหนังสือพิมพ์ China Trade News ก็ลงเรื่องราวของ China Yellow Pages หลังจากนั้นเรื่องราวของเขาก็ปรากฏเป็นข่าวอยู่เนือง ๆ จนกระทั่งหนังสือพิมพ์ People’s’ Daily หนังสือพิมพ์ที่ขายดีที่สุดของจีนเริ่มลงโฆษณาในเว็บของเขา China Yellow Pages จึงประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ต่อมาในเดือนมีนาคมปี 2539 บริษัทได้ถูกหางโจวเทเลคอมซื้อไปโดยแลกกับหุ้น 30% แต่การควบรวมครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จดังที่มาหวังไว้ เขาจึงตัดสินใจลาออกจาก China Yellow Pages ในปีเดียวกันและเข้าร่วมงานกับ Ministry of Foreign Economic Relations and Trades (MOFERT) เพื่อไปร่วมพัฒนาเว็บทางการค้าให้กับรัฐบาลในกรุงปักกิ่งโดยได้รับเงินเดือนเพียงแค่เดือนละ 300-400 ดอลลาร์เท่านั้น
การที่มาเคยทำการค้ามาก่อนอีกทั้งยังมีโอกาสทำงานให้กับรัฐบาลในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีจึงทำให้เขาทราบพัฒนาการและทิศทางของประเทศได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังได้เรียนรู้วิธีการสร้างเว็บและการทำธุรกิจด้วย เขาจึงทราบว่าอินเทอร์เน็ตกำลังจะเป็นก้าวสำคัญของจีน สิ้นปี 2541 แนวคิดเกี่ยวกับธุรกิจทางอินเทอร์เน็ตของเขาก็สมบูรณ์ เขาเชื่อว่าจำนวนธุรกิจที่เกิดขึ้นแบบ B2B หรือการค้าระหว่างบริษัทกับบริษัทต้องมากกว่าการค้าระหว่างบริษัทกับผู้บริโภค (B2C) อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดก็ตาม แต่เขาก็เชื่อในสัญชาติญาณของตัวเอง เขามักพูดว่าการตัดสินใจทางธุรกิจของเขานั้น 60% มาจากสัญชาติญาณ อีก 40% มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ และเขายังเชื่อว่าสิ่งที่เขาต้องการจะทำสำคัญมากกว่าอะไรที่เขาสามารถทำได้ ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจชักชวนเพื่อน ๆ กลับไปหางโจวเพื่อเปิดธุรกิจทางด้านอินเทอร์เน็ตอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าเพื่อน ๆ ของเขาส่วนใหญ่สามารถเข้าร่วมงานกับยาฮู Sina หรือ Sohu ได้ แต่ทุกคนก็ยินดีกลับบ้านไปรับเงินเดือน 95 ดอลลาร์กับเขาที่หางโจว พวกเขาเดินทางออกจากปักกิ่งในปี 2542
แม้ว่ามาจะประสบความล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ท้อถอย และยังมีความมุ่งมั่นมากขึ้นด้วย ทั้งนี้เพราะเขาเชื่อว่าสิ่งที่เขากำลังมุ่งมั่นที่จะทำต่อไปไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ประกอบการรายย่อยเท่านั้น ยังจะทำให้เขาและเพื่อน ๆ ร่ำรวยมากขึ้นด้วย แนวคิดในการทำธุรกิจทางอินเทอร์เน็ตของเขาก็คือ ต้องทำให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลางสามารถมีอิสรภาพมากขึ้น บริษัทเล็ก ๆ ก็ต้องการโฆษณาเช่นกัน แต่ไม่มีหนทางจึงเท่ากับว่ามีความต้องการและมีตลาด อินเทอร์เน็ตจึงน่าจะเป็นอาณาจักรของคนยากจน เขาเปรียบเทียบไว้ว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นเหมือนทรายบนหาด อินเทอร์เน็ตทำให้พวกเขาสามารถเชื่อมติดกันจนกลายเป็นแรงที่มองไม่เห็นและเติบโตเป็นหินขนาดใหญ่ และยังจะทำให้บริษัทขนาดเล็กสามารถแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ได้ด้วย การที่แนวคิดในการทำการค้าทางอินเทอร์เน็ตของเขาแตกต่างจากบริษัทอื่น ๆ ที่ทำธุรกิจในจีนอย่างสิ้นเชิงเป็นเพราะ 1) เขาเคยเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้กับนักธุรกิจมาก่อน 2) เขาเคยร่วมกับทำงานกับ MOFERT 3) เขามิได้เติบโตในต่างแดนเหมือนผู้บริหารบริษัทที่ทำธุรกิจทางอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ในจีน
จากแนวคิดและแรงบันดาลใจข้างต้น บริษัทอาลีบาบาของแจ็ค มาจึงถือกำเนิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2542 ณ ที่พักขนาดเล็กของเขาที่ Lakeside Garden ในหางโจว การที่มาและเพื่อนเลือกชื่อนี้เป็นเพราะชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันดีและง่ายต่อการออกเสียงไม่ว่าลูกค้าจะใช้ภาษาใด ในการประชุมก่อตั้งบริษัทครั้งแรก เขาบันทึกเทปไว้ด้วยเพราะเขาเชื่อว่าบริษัทนี้จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในอนาคตอย่างแน่นอน และวันก่อตั้งจะกลายเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ ในวันนั้นเขาและเพื่อน 18 คนลงขันกันเป็นเงินรวม 6 หมื่นดอลลาร์หรือเท่ากับ 5 แสนหยวนเพื่อเป็นเงินทุนเริ่มแรก เขาตั้งกฎไว้สามข้อดังนี้ 1) ห้ามทุกคนได้ค่าจ้างแพง 2) ไม่มีใครได้ตำแหน่งสูง 3) ทุก ๆ คนจะเท่าเทียมกัน บริษัทมีเป้าหมาย 3 ข้อคือ 1) บริษัทนี้จะมีอายุ 102 ปี 2) เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์ให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็กและกลางของจีน 3) เป็นบริษัทการค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและต้องติดอันดับหนึ่งในสิบของเว็บที่เป็นที่นิยมให้ได้
เมื่อผู้ก่อตั้งทั้ง 18 คนถือคติที่ว่า ศัตรูที่ร้ายที่สุดคือตัวเอง คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดคือเวลาและความล้มเหลวมากที่สุดคือการยอมแพ้ พวกเขาจึงทำงานอย่างขยันขันแข็งตลอดวันตลอดคืนนับจากวันแรกที่บริษัทเริ่มก่อตั้ง ดังนั้นภายในเวลาเพียงแค่เดือนเดียว หน้าเว็บของ Alibaba ก็สามารถปรากฏต่อสายตาชาวโลก ด้วยกลยุทธ์อันแยบยล ร่วมกับการที่มาสามารถได้พื้นที่สื่อเป็นประจำ อาลีบาบาจึงสามารถประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ถึงกระนั้นก็ตามการทำธุรกิจทางอินเทอร์เน็ตต้องการเงินทุนมาก และไม่สามารถสร้างกำไรได้มากนักในระยะแรก ร่วมกับการที่มายังคงไม่สามารถหาผู้ร่วมทุนที่เหมาะสมได้ แม้ว่าเขาจะได้พบกับนักลงทุนไปแล้วกว่า 30 ราย ทั้งนี้เพราะมาไม่เพียงต้องการเงินทุนเพิ่มเท่านั้น เขายังต้องการให้ผู้ร่วมทุนทำให้บริษัทสามารถที่จะเข้าถึงตลาดต่างประเทศมากขึ้นด้วย ปลายปีนั้นเงินทุนของบริษัทจึงเริ่มเหือดแห้ง
แม้ว่ามาจะยังไม่สามารถหาผู้ร่วมทุนที่เหมาะสมได้จนทำให้บริษัทประสบกับความยากลำบาก แต่เขายังคงมองโลกในแง่ดีว่า การขาดเงินทุนทำให้เพื่อนร่วมงานตระหนักถึงคุณค่าของกันและกันและสร้างวัฒนธรรมที่ดีในองค์กร อย่างไรก็ดีในที่สุดโกลด์แมนแซคก็ติดต่อมาที่บริษัท มาเห็นว่าการได้โกลด์แมนแซคเป็นผู้ร่วมทุนไม่เพียงแต่จะทำให้บริษัทมีเงินทุนมากขึ้นเท่านั้น ยังน่าจะทำให้ความสามารถในการดึงดูดตลาดมีมากขึ้นด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดต่างประเทศ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจรับทุนจากโกลด์แมนแซคเป็นเงิน 5 ล้านดอลลาร์ หลังรับเงินก้อนนั้น บริษัทก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
แท้ที่จริงแล้วผู้ที่มาอยากร่วมทุนด้วยก็คือ Masayoshi Son เจ้าพ่อทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศแห่งเอเซีย ทั้งนี้เพราะมาคิดว่าเขาและซันมีลักษณะเหมือนกันหลายอย่าง เช่น ตัวเตี้ยเหมือนกัน และมีความเฉลียวฉลาดในการทำธุรกิจเช่นเดียวกันจึงน่าที่จะสามารถเข้าใจกันได้ง่ายโดยไม่จำเป็นต้องพูดมาก ในวันที่ทั้งสองพบกันครั้งแรกนั้น มาเล่าว่าซันเป็นคนฉลาดมาก เขาสามารถเข้าใจธุรกิจทั้งหมดหลังจากฟังมาเล่าเพียงไม่กี่ประโยค ซันถามมาว่าต้องการเงินเท่าใด มาตอบปฏิเสธเพราะเขาเพิ่งได้เงินมา 5 ล้านดอลลาร์จากโกลด์แมนแซค แต่ซันอยากร่วมทุนกับบริษัทของมามาก ก่อนซันกลับไปญี่ปุ่น เขาจึงเชิญมาไปหาที่ญี่ปุ่นด้วย หลังจากนั้นเพียง 20 วัน มาก็ไปพบกับซันที่โตเกียว ซันยื่นข้อเสนอขอร่วมทุน 30% เป็นเงิน 30 ล้านดอลลาร์ มาจึงตอบตกลง แต่หลังกลับจากญี่ปุ่น มาเกิดเปลี่ยนใจ เขาเขียนจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปหาซันว่าเขาต้องการเงินเพียง 20 ล้านดอลลาร์เท่านั้นและต้องการเป็นผู้ควบคุมบริษัทเช่นเดิม แต่หากซันไม่ต้องการเปลี่ยนสัญญา เขาก็สามารถยกเลิกสัญญาได้ อีก 5 นาทีต่อมาซันเขียนจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ตอบรับตามคำขอของมา
หลังได้รับทุนเพิ่มจากนักลงทุนทั้งสองกลุ่ม บริษัทก็สามารถขยายกิจการอย่างรวดเร็วจนทำให้จำนวนสมาชิกของอาลีบาบาดอทคอมก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย สิ้นปี 2544 จำนวนซัพพลายเออร์บนอาลีบาบาดอทคอมก็เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านรายเป็นครั้งแรก และในเดือนเดียวกันนั้นบริษัทก็สามารถประกาศผลกำไรเป็นครั้งแรกด้วย แต่หลังจากนั้น อาลีบาบากลับตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกในขณะนั้นกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติการณ์ดอทคอมที่เริ่มต้นจากสหรัฐฯ บริษัทจึงได้ส่งเสริมกลยุทธ์ด้วยการ 1) บ่มเพาะความเป็นมืออาชีพให้กับทีมบริหาร 2) ใช้วิธีการทำงานแบบกองโจรคือ ยืดหยุ่นและเคลื่อนที่เร็ว 3) อบรมให้พนักงานมีแนวคิดและทัศนคติที่ให้ความสำคัญกับลูกค้านั่นคือ หาหนทางให้ลูกค้าทำเงินให้ได้มากที่สุด นโยบายเหล่านี้ทำให้หลายคนวิจารณ์ว่าเขาเป็นคนบ้า แต่เขาแย้งว่า เขาไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองว่าเขาเป็นคนอย่างไร หากเขาสนใจความเห็นเหล่านี้ อาลีบาบาคงไม่สามารถอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้
แท้ที่จริงแล้วแนวคิดหลักและกลยุทธ์ในการทำงาน การบริหารงานรวมทั้งการคาดการณ์อนาคตของแจ็ค มาเลียนแบบมาจากนิยายกำลังภายในของกิมย้ง นักประพันธ์จีนในดวงใจของเขา บทประพันธ์ส่วนใหญ่ของกิมย้งจะสะท้อนปรัชญาและวัฒนธรรมของชาวจีนดึกดำบรรพ์ได้เป็นอย่างดี แม้ว่ากิมย้งจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตในเมืองที่เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษก็ตาม บทประพันธ์ที่ตรึงใจแจ็ค มามากที่สุดก็คือเรื่องกระบี่เย้ยยุทธจักรโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระเอกของเรื่องที่มีนามว่าเหล็งฮู้ชง เหล็งฮู้ชงไม่เหมือนพระเอกคนอื่น ๆ ในนิยายกำลังภายในตรงที่เขาเป็นคนปล่อยตัว ไม่ประดับประดา ไม่วางท่า ไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของธรรมเนียมคร่ำครึ ไม่สนใจว่าผู้อื่นมีความรู้สึกต่อเขาอย่างไร เปิดเผยหมดจด ซื่อสัตย์จริงใจ ชมชอบคบหาสหาย มีคุณธรรม และที่สำคัญที่สุดก็คือเขาเป็นเพียงคนธรรมดาที่กลายเป็นวีรบุรุษ ลักษณะทั้งหมดนี้มาคิดว่าเหมือนกับเขาทุกประการ
นอกจากนี้การที่มาเป็นคนชอบอ่านนิยาย เขาจึงมักนำแนวคิดจากนิยายมาปรับใช้หรือยกตัวอย่างเสมอ นิยายอิงประวัติศาสตร์อีกเรื่องหนึ่งที่เขามักนำมายกตัวอย่างคือ เรื่องเห้งเจีย เขาเห็นว่าอาลีบาบาก็เหมือนกับพระถังซัมจั๋งในเรื่องเห้งเจียที่ต้องการเดินทางไปสู่เป้าหมาย แม้ว่าพระถังซัมจั๋งจะไม่ใช่คนเก่งมาก แต่ท่านมีความมุ่งมั่นที่จะทำจนสำเร็จ ท่านไม่ย่อท้อไม่ว่าจะต้องต่อสู้กับศัตรูมากมายเพียงใดจนกว่าจะได้พระไตรปิฎกมา เห้งเจียเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดมาก พระถังซัมจั๋งจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้หากไม่มีเห้งเจีย แจ๊ค มาจึงเชื่อว่าคนที่ฉลาดมาก ๆ ต้องการคนโง่มาเป็นผู้นำ อาลีบาบาเป็นองค์กรที่ต้องอาศัยวิศวกรที่มีความสามารถมากทั้งในด้านคณิตศาสตร์และคอมพิวเตอร์มาทำงานให้ แต่บริษัทก็ไม่ต้องการเห้งเจียหลายคนเกินไป มาเชื่อว่าทีมที่จะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นต้องไม่มีวีรบุรุษมากเกินไป เขาจึงไม่ต้องการคนที่เก่งมากเกินไป แต่ต้องการเพียงคนธรรมดา ๆ ที่สามารถที่จะทำการงานให้สำเร็จ มาย้ำว่าพระถังซัมจั๋งเป็นผู้นำที่เก่งมาก เพราะพระองค์มุ่งไปที่เป้าหมายเท่านั้น เห้งเจียเป็นคนเก่ง แต่เขามักนำความทุกข์มาให้กับผู้นำเสมอ ตือโป้ยก่ายเป็นคนที่มีความสามารถจำกัด แต่เป็นคนที่ซื่อสัตย์และปกป้องเจ้านายเสมอ นั่นหมายความว่า คนทุกประเภทสำคัญสำหรับความสำเร็จ นอกจากนี้องค์กรจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อพนักงานมีคุณธรรมและมีความสุขกับการทำงาน ทั้งนี้เพราะพนักงานที่มีความสุขเท่านั้นจึงจะสามารถทำให้ลูกค้ามีความสุข และถ้าลูกค้ามีความสุข บริษัทก็จะมีกำไร ทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่างจะต้องกลมกลืนกันเป็นหนึ่งเดียว
โดยทั่วไปมามักใช้แนวทางการบริหารแบบจีน ทั้งนี้เพราะเขาเติบโตและคุ้นเคยกับวัฒนธรรมจีน แต่เมื่อเขาได้มีโอกาสรับประทานอาหารเช้ากับบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯและภริยาในปี 2544 เขาจึงคิดว่าเขาต้องตั้งพันธกิจ (mission) ให้กับองค์กรซึ่งแนวคิดนี้แตกต่างจากบริษัทสัญชาติจีนทั่วไป ทั้งนี้เพราะเขาพบว่า การไม่มีพันธกิจจะทำให้บริษัทไม่สามารถประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้ เขาจึงตั้งพันธกิจของอาลีบาบาว่า การทำให้การทำธุรกิจสะดวกในทุกสถานที่ ระบบและซอฟแวร์ของอาลีบาบาจะทำให้บริษัทสามารถติดต่อกับลูกค้าได้อย่างง่ายดายทุกที่ทุกเวลา การมีพันธกิจจะทำให้องค์กรสามารถสื่อสารกับพนักงานได้และจะทำให้พวกเขามีคุณธรรมประจำใจร่วมกันที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ
หลังจากที่อาลีบาบาดอทคอมเริ่มประสบความสำเร็จ ในปี 2546 มาก็เริ่มมองหาหนทางใหม่ ๆ ในการทำธุรกิจ เขาสังเกตเห็นว่า เว็บของอีเบย์ซึ่งเป็นเว็บที่ผู้บริโภคเข้ามาประมูลซื้อของนั้นเป็นเว็บที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเว็บหนึ่งโดยสามารถขายนาฬิกาได้หนึ่งเรือนทุก ๆ สามนาที ขายรองเท้ากีฬาได้ทุก ๆ สามสิบวินาทีและขายเสื้อได้ทุก ๆ สิบวินาที แต่วิธีการทำธุรกิจของเว็บนี้ยังคงไม่เข้ากันกับวัฒนธรรมของคนจีน ทั้งนี้เพราะเว็บของอีเบย์มีค่าบริการ เขาจึงคิดว่าเขาควรพัฒนาเว็บประมูลสินค้าใหม่ที่เข้ากันได้กับวัฒนธรรมของคนเอเชียให้กับชาวจีน นั่นคือ ผู้เข้าประมูลสามารถทำการประมูลได้ฟรี ในเดือนเมษายนปี 2546 มาจึงได้เรียกพนักงานอาลีบาบา 10 คนมาประชุมร่วมกันเพื่อสร้างเว็บใหม่โดยทุกคนต้องเซ็นสัญญาที่จะปิดเป็นความลับ Taobao ซึ่งเป็นคำจีนแปลว่า ค้นหาทรัพย์สมบัติจึงถือกำเนิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีนั้น ในวันเปิดตัวเว็บ Taobao นี้ เขาแถลงกับนักข่าวว่า อีเบย์เป็นเหมือนฉลามในมหาสมุทร แต่ Taobao เป็นเหมือนกับจระเข้ในแม่น้ำ บริษัทย่อมพ่ายแพ้หากสู้รบในทะเล แต่ Taobao ต้องการที่จะเล่นในสนามที่แตกต่าง เขาต้องการพึ่งพิงเฉพาะคนจีนและทรัพยากรของจีนเท่านั้น
แนวคิดการทำธุรกิจในช่วงแรกของ Taobao ก็คือ ให้บริการลูกค้าที่ใช้บริการฟรีในปีแรก และไม่คาดหวังผลกำไรในสามปีแรก เขาเชื่อว่าหากลูกค้ารู้สึกว่าเว็บนี้สำคัญหรือจำเป็นสำหรับพวกเขาแล้ว ในอนาคตพวกเขาย่อมยินดีที่จะจ่ายค่าธรรมเนียมอย่างแน่นอน เป้าหมายในการเปิดเว็บนี้ก็คือ ทำให้ลูกค้ารู้สึกสะดวกสบายในการใช้ สบายใจและมั่นใจในการซื้อขายผ่านเว็บ เขาย้ำว่าธุรกิจที่คิดถึงแต่เงินตลอดเวลาย่อมไม่สามารถที่จะทำให้ลูกค้าพึงพอใจได้ ทั้งนี้เพราะพวกเขาจะไม่ทำธุรกิจเพื่อผลประโยชน์ของลูกค้าก่อน แต่มากลับเห็นว่าเงินห้าเหรียญแรกของลูกค้าควรอยู่ใ%
