จากคอลัมน์”แหวกฟ้าหาฝัน” ในหนังสือพิมพ์แนวหน้า
by Brainy Kid
ผู้ที่ไปอิตาลีส่วนใหญ่มักไม่ต้องการไปแค่โรม แต่มักอยากไปฟลอเรนซ์ด้วย ทั้งนี้เพราะฟลอเรนซ์มีเดวิดหนุ่มหล่อที่สุดของประวัติศาสตร์ตั้งอยู่นั่นเอง เดวิดเป็นใครสำคัญอย่างไร คนส่วนใหญ่คงทราบแล้ว แต่ทำไมคนส่วนใหญ่จึงต้องไปดูเดวิดที่ฟลอเรนซ์ ทั้ง ๆ ที่เดวิดก็มีอยู่ทั่วโลก
แท้ที่จริงแล้วเดวิดที่ไกด์ของทัวร์ฉิ่งฉับทั้งหลายพาไปชมก่อนเลยไปช้อปปิ้งเครื่องทองที่สะพานดิเวคคิโอก็มิใช่ผลงานมาสเตอร์พีสของจริง แต่เป็นรูปจำลองจากเดวิดของไมเคิลแองเจลโลอีกทีหนึ่ง
และเดวิดจำลองที่ตั้งอยู่กลางเมืองซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของฟลอเรนซ์นี่เองที่นักท่องเที่ยวต้องไปถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นจะเหมือนไปไม่ถึงฟลอเรนซ์
นอกจากไปดูเดวิดแล้ว ฟลอเรนซ์ยังมีอุฟฟิซี่ แกลเลอรี่ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกตั้งอยู่ แกลเลอรี่แห่งนี้คนไทยน้อยคนนักที่แค่ผ่านไปฟลอเรนซ์จะได้เข้าชม ทั้งนี้เพราะคิวเข้าพิพิธภัณฑ์ยาวหลายกิโลเมตรตลอดทั้งวัน
ดังนั้นเพื่อกันการผิดหวัง ผู้ที่ต้องการจะเข้าชมจริง ๆ และมีเวลาน้อยจึงจำเป็นต้องจองคิวก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วอาจต้องไปเข้าคิวล่วงหน้าตั้งแต่ 7 โมงเช้า ผู้ที่เคยไปเข้าคิวเองจะทราบดีว่า แม้ว่าจะไปตั้งแต่ 7 โมง แต่เราก็มิใช่คนแรก ทั้ง ๆ ที่ประตูเปิด 9 โมงเช้าซึ่งเหมือนอย่างกับการเข้าคิวรอตรวจโรคที่โรงพยาบาลหลวงของไทยอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว
ผู้ที่ทนรอไหวและกลายเป็นผู้โชคดีได้ผ่านเข้าประตูไปจึงทราบเหตุผลว่า แท้ที่จริงแล้วการที่คิวยาวมากเป็นเพราะทางพิพิธภัณฑ์มีเครื่อง CTX เพียงเครื่องเดียว ดังนั้นกว่าจะตรวจกระเป๋านักท่องเที่ยวแต่ละคนเสร็จจึงเสียเวลามากมาย การที่ทางพิพิธภัณฑ์ไม่ยอมซื้อเครื่อง CTX เพิ่มและยอมปล่อยให้นักท่องเที่ยวต้องรอคอยถึง 2-3 ชั่วโมงในแต่ละครั้งกว่าจะเข้าไปได้นั้นเป็นคงมิใช่เป็นเพราะรัฐบาลอิตาลีไม่มีเงิน แต่น่าจะมาจากเหตุผลที่ว่าทางพิพิธภัณฑ์ไม่ต้องการจะทำลายบรรยากาศในการเสพศิลปะจากการที่มีคนเป็นจำนวนมากแห่เข้าไปในพิพิธภัณฑ์พร้อม ๆ กันมากกว่า
อุฟฟิซี่แกลเลอรี่ซึ่งเป็นแกลเลอรี่ที่เก่าแก่ที่สุดของยุโรปยุคกลางนี้ถูกสร้างขึ้นโดย Francesco I de’ Medici ในปี 1581 แต่เดิมนั้นจิออจิโอ วาซารี่สถาปนิกตั้งใจจะออกแบบให้ตึกนี้เป็นส่วนต่อของพระราชวังเพื่อใช้เป็นที่ประชุมของเหล่าขุนนาง แต่เมื่อท่านฟรานเซสโก เดอ เมดิซี่ได้รวบรวมภาพเขียน รูปปั้นและผลงานศิลปะต่าง ๆ ไปจัดแสดงไว้ทางทิศตะวันตกของตึก
ตึกนี้จึงกลายเป็นแกลเลอรี่ เมื่อแกลเลอรี่นี้กลายเป็นที่สะสมของงานศิลปะ มันจึงถูกตกแต่งอย่างงดงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งบนฝาผนังมีงานเฟรสโกของศิลปินในยุคเรอเนสซองส์มากมาย และหลายห้องในแกลเลอรี่นี้ได้ปรากฏเป็นฉากในภาพเขียนของศิลปินในยุคเรอเนสซองส์ด้วย
ปัจจุบันแกลเลอรี่ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลกนี้บรรจุงานมาสเตอร์พีสของศิลปินอิตาลีในยุคเรอเนสซองส์เป็นจำนวนมาก เช่น ซานโดร บอตติเซลลี่ ฟรานเซสโก ลิปปี้ ลีโอนาร์โด ดาร์วินชี่ ทิเชี่ยน รวมทั้งศิลปินของชาติอื่น ๆ ในยุคเดียวกัน เช่น ลูคัส ครานาส เป็นต้น เมื่อจบทัวร์แกลเลอรี่อันยาวนานหลายชั่วโมงนี้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจจนแทบจะไม่ต้องกินข้าวเย็นเลยทีเดียว
ส่วนผู้ที่ไม่ชอบชมงานศิลปะอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็อาจเลือกถ่ายรูปกับรูปแกะสลักนอกพิพิธภัณฑ์ซึ่งมีความสวยงามไม่แพ้งานศิลปะด้านใน แล้วเดินเลยไปสะพานดิเวคคิวโอเพื่อละลายทรัพย์ไปกับทองคำอิตาลีที่ได้ชื่อว่าเป็นงานทองที่วิจิตรบรรจงและแพงที่สุดในโลกก็ได้ หากไม่กลัวว่ากลับบ้านต้องใช้หนี้หัวโต
